เปิดมาที่หัวข้อ ยางรถยนต์ระเบิด ควรทำอะไรก่อนหลัง ? แค่ฟังจากหัวข้อ สาวๆหลายท่านที่ขับรถเองอยู่เป็นประจำ เป็นต้องภาวนาขออย่าให้เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับเรา แต่อุบัติเหตุนั้น เกิดขึ้นได้ แบบไม่เลือกคน ไม่เลือกเวลา และไม่เลือกสถานที่ เพราะฉะนั้นแล้ว รู้ไว้ ปลอดภัยกว่า  เกิดปัญหาขึ้นตอนไหน ก็รับมือได้อย่างปลอดภัยหายห่วง สาวๆหลายคนอาจจะกังวลใจได้ว่า เราขับรถได้ แต่ความรู้เรื่องยางรถยนต์ หรือความรู้เรื่องเครื่องยนต์เป็นอะไรที่ยากต่อการทำความเข้าใจ แล้วจะทำอย่างไร ถ้าเราต้องตกอยู่ในสถานการณ์เสี่ยง

วันนี้เราจะไปดูกันว่า เมื่อเกิดสถานการณ์ยางรถยนต์ระเบิดนั้น เราควรมีวิธีรับมืออย่างไร แก้ไขสถานการณ์อย่างไร สิ่งที่จำเป็นต้องทำ ณ ตอนนั้นคืออะไร และหลังจากนั้นล่ะ? เราควรทำอย่างไร  และอะไรคือสิ่งที่เราคำนึงถึงมากที่สุดเพื่อความปลอดภัย  วันนี้ เราจะมาอธิบาย ในแบบง่ายๆเข้าใจได้ไม่ยาก อันดับแรก เราต้องไขไปถึงต้นตอของสาเหตุ ว่ามีปัจจัยอะไรบ้างที่ส่งผลให้เกิดยางระเบิดได้ เหตุผลที่ยางระเบิด เกิดจากอะไรได้บ้าง?​ เมื่อทราบถึงสาเหตุได้ ก็สามารถลดความเสี่ยงได้ นั่นเอง 

สาเหตุที่ทำให้เกิด ยางรถยนต์ระเบิด มีได้มากมายหลายสาเหตุ แต่สาเหตุที่ฮอตฮิต ติดลมบน  มีดังนี้

1. รถของเรา ใช้ยางเก่าเกินไป ไม่ได้เปลี่ยนยางใหม่

    

   อย่างที่ทราบกันดี ยางรถยนต์มีอายุการใช้งาน  ต้องควรสังเกตและระวัง  เช่น แก้มยางมีรอยแตกลายงา บวม ฉีกขาด ดอกยางหมดสภาพ  รวมถึง ประเภทยางรถยนต์ ที่ใช้ก็มีผลอย่างมาก หากใช้ผิดประเภท ยางระเบิดถามหาแน่นอน

    

2. ใช้ความเร็วในการขับรถ เกินที่ความเร็วของยางกำหนดพิกัดไว้

    

   ทราบหรือไม่ว่า ยิ่งขับรถเร็วมากเท่าไหร่ ยิ่งทำให้ความร้อนของยางสูงขึ้นตามมากเท่านั้น และเมื่อเกิดยางระเบิดขึ้นโดยมีความเร็วที่สูง ก็ยิ่งมีโอกาสที่จะเสียหลักในการควบคุมรถได้ ซึ่งถือว่าอันตรายมากๆ แล้วจะทราบได้อย่างไร ว่ารถของเราสามารถวิ่งได้เร็วสุดเท่าไหร่ (Speed rating) เราสามารถดูค่าจากแก้มยาง ค่าดัชนีความเร็ว จะถูกระบุอยู่ในสติกเกอร์ที่แปะอยู่บนหน้ายาง (กรณียางยังไม่ได้รับการติดตั้ง) หรือหากไม่มีสติกเกอร์ก็สามารถอ่านค่าได้จากบริเวณแก้มยาง โดยส่วนมากจะระบุเอาไว้หลังตัวเลขที่บ่งบอกขนาดยาง ซึ่งจะระบุไว้เป็นตัวอักษร เช่น V  ก็หมายถึงว่า รถของคุณที่ใส่ยางรถยนต์เส้นนี้ สามารถทำความเร็วได้สูงสุด ไม่เกิน 240 กิโลเมตร นั่นเอง

    

3. สูบลมยางไม่สมดุล หรือไม่ถูกต้อง

    

   การสูบลมยางที่ไม่ถูกต้อง ทำให้ยางรถยนต์นั้นอ่อนจนเกินไป นอกจากจะทำให้เปลืองน้ำมันแล้ว เมื่อรถวิ่งเป็นเวลานานๆ อาจเกิดความร้อนขึ้นได้ ซึ่งความร้อนที่เกิดนั้น ในบางครั้ง อาจร้อนเกินไป จนบริเวณแก้มยางฉีกขาดได้ ทำให้เกิดอุบัติตามมา สิ่งที่ควรใส่ใจ อย่าลืมเช็กลมยางอย่างสม่ำเสมอ และเติมลมยางให้พอดีกับยางรถยนต์ของเรา และประเภทการใช้งาน

    

4. รถบรรทุกน้ำหนัก มากเกินที่ค่ากำหนดไว้

    

   การบรรทุกของที่มีน้ำหนักเกินค่าที่กำหนดไว้นั้น จะทำให้ยางรับไม่ไหว อาจส่งผลให้ยางระเบิดได้เช่นกัน เพราะฉะนั้นแล้วควรตรวจสอบ ให้แน่ชัด ว่าดัชนีการรับน้ำหนัก (Load index) ของยางเรานั้น มีค่าเท่าไหร่ เพื่อป้องกัน ไม่ให้เกิดความเสี่ยง ต่อยางระเบิดได้ ซึ่งดัชนีการรับน้ำหนักของยาง สามารถดูได้ที่แก้มยางของเราซึ่งจะมีตัวเลขระบุอยู่ และนำค่าตัวเลขนั้นไปเทียบบนตารางอีกครั้ง

    

5. ยางมีความร้อนสูงจัด เนื่องมาจากอาการเบรกติด ที่ล้อใดล้อหนึ่ง และอาจทำให้เกิดไฟลุกได้

    

   และนี่คืออีกหนึ่งสาเหตุที่ในบางครั้งเราเองอาจจะยังไม่ได้สังเกต หมั่นเช็กยางรถยนต์รวมไปถึงเบรก เสียงดังต่างๆ เพื่อความสบายใจ

    

6. เปลี่ยนยางใหม่ แต่ยังคงใช้จุ๊บปิดเติมลมอันเก่าอยู่

    

   ใครจะคิดว่าแค่จุกลมธรรมดา ก็สามารถเป็นสาเหตุของยางระเบิดได้ เพราะ ถ้าจุ๊บลมยางชำรุดมีโอกาสทำให้ลมในท้องยางนั้นค่อยๆซึมออกมาได้ จุ๊บลมยางทุกเกรด จุ๊บลมยางตั้งแต่ราคาประหยัด-พรีเมียม ก็มีโอกาสเกิดขึ้นได้เหมือนกันนะครับ ทั้งจุ๊บลมเหล็ก จุ๊บลมสแตนเลส ก็ตามยังไงก็มีโอกาสซึมได้

    

7. การเลือกใช้งานยางไม่ถูกประเภท หรือขนาด

    

   เช่น ยางทั่วไปไม่เหมาะกับสถาพทางบางประเภท หรือนำยางรถเก๋งมาใช้กับรถกระบะ เป็นต้นประเภทยางรถยนต์ถือว่าสำคัญที่สุดในการใช้งาน เพราะฉะนั้น ใช้รถแบบไหน ควรเลือกใช้ยางรถยนต์ให้เหมาะสม อย่าประมาท

    

8. เหยียบตะปู / ตะปูเรือใบ

    

   วันที่โชคชะตาไม่อยู่เคียงข้างเรา เพราะพื้นถนนเป็นอะไรที่ยากจะคาดเดา ตะปู ก็เป็นสาเหตุหนึ่ง ที่ทำให้ยางรถยนต์ของเราเกิดระเบิดขึ้นมาได้ หากโชคดีหน่อย ยางระยนต์อาจจะแค่รั่ว แต่ถ้ายางรถยนต์ของเรา อยู่ในสภาพไม่พร้อมก็อาจจะเกิดการระเบิดขึ้นได้ 

เมื่อเราทราบถึงสาเหตุเบื้องต้นที่ เป็นปัจจัย ให้เกิดยางระเบิดได้แล้วนั้น เรามาดูกันต่อว่าอาการเตือนของยางระเบิดเป็นอย่างไร?  อะไรคือสัญญาณเตือน เพื่อเป็นการรับมือได้ทันถ่วงที

สาวๆต้องรู้ไว้ อาการเตือนก่อนที่ยางจะระเบิด ในขณะที่ขับรถอยู่ ถ้ารู้สึกว่าพวงมาลัยเริ่มสั่นสะเทือนผิดปกติและบังคับรถได้ยาก โดยเฉพาะในขณะเลี้ยว ทั้งๆ ที่ไม่มีปัญหาเรื่องถ่วงล้อและศูนย์ล้อหน้าปกติ ลูกหมากไม่หลวม และขณะขับมาระยะแรกๆ พวงมาลัยไม่สั่น อาการนี้เป็นสิ่งบอกเหตุว่ายางรถยนต์เริ่มบวมพร้อมที่จะระเบิดแล้ว

ไม่ควรทำอะไร ในขณะที่ทราบว่ายางรถยนต์กำลังจะระเบิด ?

และเมื่อเกิดยางระเบิดขึ้น ในขณะที่กำลังขับรถอยู่ ไม่ว่าเป็นยางล้อหน้า หรือล้อหลังก็ตาม สิ่งที่ต้องทำเป็นอันดับแรกคือ ตั้งสติ และควบคุมสติให้ดี มือทั้งสองข้างต้องจับพวงมาลัยให้แน่น ค่อยๆ ถอนคันเร่งออก และพยายามประคองพวงมาลัย ให้รถอยู่บนเส้นทาง จากนั้น มองกระจกหลัง และกระจกมองข้าง ว่ามีรถมากน้อยแค่ไหน แตะเบรกอย่างเบาๆ และแตะเบรกให้ถี่ที่สุดเพื่อหยุดรถ 

วิธีรับมือ เมื่อเกิดเหตุการณ์ยางระเบิด

1. จับพวงมาลัย ในท่ามาตรฐาน ด้วยมือทั้งสองข้างอย่างมั่นคง
2. ค่อยๆปล่อยหรือถอนคันเร่งออก
3. ตรวจสอบรอบข้างอย่างถี่ถ้วน ว่ามีรถอยู่บริเวณใกล้เคียงหรือมีรถตามหลังมาหรือไม่
4. ค่อยๆแตะเบรกอย่างแผ่วเบาและถี่ๆ ห้ามแตะแรงหรือเบรกจนสุดเป็นอันขาด เพราะจะทำให้รถหมุนหรือเสียหลักได้
5. ห้ามเหยียบคลัตช์โดยเด็ดขาด เพราะการเหยียบคลัตช์จะทำให้รถลอยตัวเนื่องจากระบบขับเคลื่อนที่เพลาจะตัดขาดแรงบิดจากเครื่องยนต์ ทำให้รถควบคุมได้ยากขึ้น และอาจเสียหลักพุ่งชนได้
6. ห้ามดึงเบรกมือเพื่อพยายามหยุดรถอย่างเด็ดขาด เพราะอาจทำให้รถหมุนจนเกินควบคุมได้
7. หากสามารถลดความเร็วของรถได้จนอยู่ในความเร็วที่ปลอดภัยแล้ว ให้รีบเปิดสัญญาณไฟเลี้ยวซ้ายแล้วพยายามเข้าชิดข้างทางให้มากที่ และเมื่อความเร็วลดลงจนสามารถหยุดรถได้แล้ว ให้ลดเกียร์ลงเรื่อยๆและหยุดรถที่ข้างทางอย่างปลอดภัย

ข้อสังเกตเมื่อเกิดเหตุยางระเบิด คือ หากล้อระเบิดทางด้านซ้าย (ไม่ว่าจะหน้าหรือหลังก็ตาม) รถจะแฉลบไปทางซ้ายก่อน และสะบัดกลับ ไปมาซ้ายขวาสลับกัน และจะอันตรายมาก หากระเบิดทางด้านขวา เพราะเป็นฝั่งที่อันตราย โดยเฉพาะหากเกิดระเบิดในขณะที่ใช้ความเร็วสูงมากๆ เมื่อยางระเบิด รถจะเสียทรงและทำให้รถกลิ้งทันที (คล้ายคนทำม้วนหน้าเพื่อตีลังกา) และไม่สามารถควบคุมได้

ดังนั้นเพื่อเป็นการป้องกันที่ดีที่สุด ควรเลือกใช้ยางที่มีคุณภาพ และไม่ใช้ยางซ้ำ รวมไปถึงใช้ความเร็วที่เหมาะสมไม่เร็วจนเกินไป หรืออย่างเร็วสุดในรถบรรทุก หรือรถกระบะที่บรรทุกของหนัก การวิ่งด้วยความเร็ว 100 กม/ชม ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ปลอดภัย เพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่ร้ายแรงที่ใครก็ไม่อยากให้เกิดขึ้น

วิธีเอาตัวรอดเมื่อเกิดยางระเบิด

เมื่อเสียงดังเกิดขึ้น ให้รวบรวมสติให้มั่นแล้วทำตามนี้

1. ค่อยๆ ลดความเร็วรถ 

   ค่อยๆ ชะลอความเร็วรถลง ด้วยการเหยียบเบรกซ้ำๆ เบาๆ ข้อควรระวังคืออย่าเหยียบครัช (กรณีเป็นเกียร์กระปุก) และดึงเบรคมือเด็ดขาด เพราะมันจะทำให้รถหมุนได้ 

2. ให้สัญญาณไฟเพื่อเข้าจอด
   
   เมื่อความเร็วรถเริ่มลดลงและควบคุมได้แล้ว ให้คุณส่งสัญญาณไฟจอดเข้าข้างทางเพื่อให้ผู้ขับขี่คนอื่นได้ระมัดระวังรถของคุณ 
3. เปลี่ยนเป็นเกียร์ต่ำเพื่อหยุดรถ 

   เมื่อควบคุมความเร็วของรถได้มั่นคงแล้ว ให้เปลี่ยนเกียร์ไปที่ตำแหน่งเกียร์ต่ำ แล้วค่อยๆ หยุดรถ 

4. เปลี่ยนยางอะไหล่ 

   อุบัติเหตุบนท้องถนนเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา เมื่อเอาตัวรอดจากยางระเบิดได้แล้ว สิ่งที่ควรทำตามมาคือการเปลี่ยนยางอะไหล่เพื่อให้รถวิ่งต่อไปได้

ถึงจะเป็นสาวแต่เราก็ต้องสตรอง ทริคดีๆที่มีให้ รู้ไว้ไม้ต้องง้อคุณผู้ชาย ยางระเบิดยางแตก ไม่มีแฟนให้โทรหา แต่สามารถ เซฟเบอร์เหล่านี้ เพื่อโทรขอความช่วยเหลือได้นะ รู้ยัง

• 191  แจ้งเหตุด่วน เหตุร้าย
• 199 ดับเพลิง
• 1155 ตำรวจท่องเที่ยว
• 1669 หน่วยแพทย์ฉุกเฉิน
• 1543 การทางพิเศษฯ
• 1196 อุบัติเหตุทางน้ำ
• 1677  ร่วมด้วย ช่วยกัน
• 1192 แจ้งรถหาย
• 1554 กู้ชีพ วชิรพยาบาล
• 0-2354-8222 กู้ชีพ นเรนทร
• 1193  ตำรวจทางหลวง
• 1644  สวพ.91
• 1137 จส 100

เพื่อลดสาเหตุของ ยางรถยนต์ระเบิด จำเป็นต้องมองหา ยางรถยนต์ดีๆที่มีมาตรฐาน

ยางรถยนต์ TOYO ยางรถยนต์ที่ดี มีมาตรฐาน ทั้งการผลิตที่มั่นใจได้ โครงสร้างยางแข็งแรง สมรรถนะ ตอบโจทย์ ทั้งด้านความปลอดภัย การขับขี่ รวมไปถึงดีไซน์ที่สวยงาม พร้อมทั้งประเภทของยางรถยนต์

ที่หลากหลาย ครอบคลุม ทุกการใช้งาน รวมถึงไซซ์ยางที่มากมาย เพื่อรองรับ ทุกการขับขี่ของคุณ

เพื่อลดความเสี่ยง ของการเกิดอุบัติเหตุ เราจึงควรมองหายางดีๆ ที่มีคุณภาพ ปัจจัยภายนอก เรากำหนดไม่ได้ ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ทำได้เพียงตั้งสติ ไม่ประมาท แต่ปัจจัยภายใน นั่นคือยางรถยนต์ของเรา

เราสามาถเลือกสิ่งที่ดีที่สุด ให้รถของเราได้ เลือกยางที่ปลอดภัย เลือก ยางที่ดีที่สุด เลือก Toyo Tires